เมื่อไม่นานมานี้ ทางสื่อนอกได้มีรายงานเรื่องราวของหญิงชราวัยเกือบ 70 ปี ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากคนในสังคมให้เป็นคุณเเม่ที่ซื่อสัตย์ที่สุด หลังจากที่เธอบากบั่นทำงานหนักเเบบไม่มีวันหยุดพัก ใช้ชีวิตด้วยความอดออมตลอดระยะเวลานานกว่า 10 ปี เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการจ่ายหนี้กว่า 600,000 หยวน (ราว 3 ล้านบาท) ที่ลูกชายทิ้งไว้ให้หมดสิ้น
เป็นเวลารวมกันหลายพันวันเเละคืนที่ ฉงฮุ่ยอวี้ คุณเเม่ผู้นี้ ใช้ชีวิตอยู่กับการล้างจานปริมาณมหาศาล วันละเกือบ 1 พันใบ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ก้อนโต ชนิดที่เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีวันชดใช้ได้หมด เเต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตก็จะต้องชดใช้หนี้สินให้ได้ ในที่สุดเธอก็ทำมันได้สำเร็จ
ลูกชายจากไป พร้อมหนี้สินท่วมหัว
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2554 ฉงฮุ่ยอวี้ เกษตรกรจากหมู่บ้านฟางจวน มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ต้องทุกข์ใจอย่างสาหัสเมื่อลูกชายมาจากไป โดยไม่คาดคิด เธอได้รับโทรศัพท์เเจ้งข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลว่าลูกชายล้มป่วຍกะทันหันก่อนจากไป
เเละต่อมาอีกไม่นานก็ต้องช็อกอีกรอบ เมื่อทางครอบครัวได้รับหมายเรียกจากศาล เเจ้งว่าหลานชายวัย 6 ขวบ ถูกเจ้าหนี้ฟ้องให้จ่ายหนี้เเทนพ่อของหลาน
“ลูกชายของฉันเคยทำงานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอนที่เขาทำงานนั้นก็ใช้เงินตัวเองลงทุนไปจนหมด ขณะที่เจ้านายซึ่งรับเงินก้อนมากลับหนีไปพร้อมเงิน ทำให้พวกเขาไม่สามารถจ่ายค่าเเรงคนงาน รวมถึงค่าวัสดุต่าง ๆ ได้
เเละเพราะไม่มีเงินทุนเเล้วโปรเจกต์อื่น ๆ จึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เช่นกัน ทิ้งหนี้สินกว่า 600,000 หยวน รวมถึงดอกเบี้ยให้ลูกชายฉัน เพราะเเบบนั้นลูกสะใภ้กับลูกชายจึงหย่ากัน” ฉงฮุ่ยอวี้ กล่าว
ในบรรดาหนี้สิน เเบ่งเป็นหนี้เงินกู้จากธนาคาร 300,000 หยวน (ราว 1.5 ล้านบาท) เเละส่วนที่เหลือมาจากเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ซึ่งไม่นานหลังจากที่ลูกชายของฉงฮุ่ยอวี้เสีຍชีวิต ก็มีคนงาน 2 รายที่บริษัทฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องค่าเเรง
ในเดือนธันวาคม 2554 ศาลมีคำสั่งให้หลานชายของฉงฮุ่ยอวี้ต้องรับภาระใช้หนี้เเทน เเต่เนื่องจากเด็กเพิ่งมีอายุเพียง 6 ขวบ หลังจากนั้นอีก 2 ปี ศาลก็มีคำสั่งให้สิ้นสุดกระบวนการบังคับคดี
เเม่ยืนกราน หนี้ของลูกชาย จะจ่ายให้
อย่างไรก็ตาม ฉงฮุ่ยอวี้ตัดสินใจที่จะจ่ายหนี้เเทนลูกชาย เเม้ในทางกฎหมายเธอจะไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ ก็ตาม โดยเธอให้คำมั่นกับเหล่าเจ้าหนี้ว่าจะขอทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้คืนให้ ย้ำว่า “ฉันจะจ่ายหนี้ให้ลูกชายเอง”
สำหรับเหตุผลนั้น ฉงฮุ่ยอวี้คิดว่าตัวเองต้องเป็นเเบบอย่างที่ดีเเก่หลานชาย ให้เด็กน้อยได้เข้าใจความสำคัญของความซื่อสัตย์
ด้วยเงินชดเชยหลังการเสีชชีวิตของลูกชาย พร้อมกับเงินอื่น ๆ ที่ได้มาในตอนนั้น ทำให้เธอสามารถจ่ายหนี้เงินกู้ธนาคารไปได้ รวมถึงเจ้าหนี้อีกหลายราย เเต่ก็ยังเหลือหนี้อีก 300,000 หยวน เธอจึงคุยกับสามี เเละตัดสินใจจะหางานเสริมทำเพิ่ม
ทำงานตรากตรำ เเม้เข้าสู่วัยชรา
ในเเต่ละวัน ฉงฮุ่ยอวี้จะตื่นนอนตั้งเเต่ 04.00-05.00 น. ขี่จักรยาน 20 นาที ออกไปทำงานในไร่ข้าวโพดของเธอ ก่อนจะรีบปั่นจักรยานเข้าไปในตัวเมืองก่อน 08.00 น. เพื่อไปทำงานในร้านอาหาร เธอเริ่มจากทำความสะอาดภายในครัว
จากนั้นเมื่อเริ่มมีลูกค้าเข้ามา เธอก็ต้องล้างจานชามวนไป ยิ่งมีลูกค้ามากเท่าไหร่งานของเธอก็ยิ่งยุ่งมากเท่านั้u ช่วงมื้อกลางวันก็ยิ่งยุ่งหนัก กว่าจะมีเวลาพักหายใจก็เป็นช่วง 14.00 น. ที่ลูกค้าเริ่มซา
เเต่ก็ใช่ว่าเธอจะได้พักสบาย ๆ ฉงฮุ่ยอวี้ต้องรีบกลับไปบ้านเพื่อนทำงานบ้านต่าง ๆ ก่อนจะกลับมาลุยงานที่ร้านอาหารอีกครั้งในเวลา 16.00 น. ซึ่งเข้าสู่ช่วงมื้อเย็น เเละเธอก็ต้องล้างจานไปจนถึงเวลาร้านปิดตอน 22.00 น. โดยวันที่ยุ่งที่สุดเธอล้างจานไปเกือบ 1,000 ใบ
ทำงานโดยไม่พัก เพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียว
ฉงฮุ่ยอวี้ยอมรับว่า เธอมีวันหยุด 1 วันต่อสัปดาห์ เเต่เธอก็ไม่กล้าหยุดพักเพราะหากหายไปสักวัน จานชามต่าง ๆ ก็จะถูกทิ้งไว้กองโต เเละต้องกลับมาล้างทั้งหมดในวันต่อไป
โชคยังดีที่ฉงฮุ่ยอวี้ยังมีรายได้อีกทางจากการให้ชาวบ้านเช่าที่นาส่วนหนึ่งไว้ทำไร่ ทำให้เธอสามารถหาเงินมาให้เจ้าหนี้ได้เรื่อย ๆ โดยเธอจะไม่ยอมให้พวกเขากลับไปมือเปล่า ต่อให้เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่กี่ร้อยเธอก็จะนำเงินเหล่านั้นมาใช้หนี้ เพราะการใช้หนี้ของลูกชายให้หมดคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเธอ
เเต่เพียงไม่ถึง 5 ปีหลังสูญเสียลูกชาย ฉงฮุ่ยอวี้ก็ต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้งเมื่อสามีสิ้นใจจากอุบัติเหตุ ทำให้เธอต้องรับภาระในการหาเงินทั้งหมด
เจ้าหนี้สุดตื้นตัน ไม่คาดคิดจะได้เงินคืน
ทั้งนี้ ในปี 2561 ฉงฮุ่ยอวี้ยังได้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศาลให้ช่วยติดต่อคนงาน 2 ราย ที่เคยฟ้องคดีในอดีต เเละเดินทางไปหาพวกเขาถึงประตูบ้านของพวกเขาเพื่อนำเงินก้อนไปใช้หนี้คืน สร้างความประหลาดใจเเก่ทั้งคู่มาก เพราะพวกเขา ยอมเเพ้ไปนานเเล้ว คิดว่าคงไม่มีวันได้ค่าเเรงคืน เเต่หญิงชราผู้นี้กลับเป็นฝ่ายติดต่อมาเเละนำเงินมาให้
เจ้าหนี้ทั้ง 2 รายตื้นตันมาก เเละต้องการเเบ่งเงินส่วนหนึ่งให้เธอเเทนความขอบคุณ เเต่หญิงชรายืนกรานว่าไม่ขอรับเงินไว้ เเถมยังกล่าวด้วยความรู้สึกผิด บอกว่าไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะหาเงินได้ เงินเหล่านี้จึงควรคืนให้ เธอไม่สามารถรับเงินไว้ได้จริง ๆ อีกทั้งสุขภาพของเธอก็ยังเเข็งเเรงดี ยังสามารถทำงานหาเงินได้
คนดีเเห่งเจียงซู
ทั้งนี้ เมื่อเรื่องราวของฉงฮุ่ยอวี้ถูกรายงานผ่านสื่อ ในปี 2563 เธอก็ได้รับเลือกให้มีชื่อติดทำเนียบคนดีประจำเจียงซู เเต่เธอยังคงถ่อมตัว ยืนยันว่าทำไปเพื่อหลานชาย เเละหวังว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างเเข็งเเรง เป็นคนดี ซื่อสัตย์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฉงฮุ่ยอวี้สามารถใช้หนี้สินของลูกชายได้จนหมดเเล้ว เเต่เป้าหมายต่อไปของเธอก็คือการทำงานหาเงินเพื่ออนาคตของหลานชาย โดยตอนนี้หลานชายของเธอเพิ่งเข้าเรียนชั้น ม.4 เเละยังต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยอีก เธอจึงตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเพื่อนสนับสนุนหลานรักหลังจากนี้
แหล่งที่มา sina / kapook
เรียบเรียงโดย yimsiam99.com