
บนโลกออนไลน์ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Napatchanon Vejvisitvong เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า “เวรบ่าย 8/7/64 เป็นอีก 1 เวรเยิน ๆ ที่เหนื่อຍที่สุดในชีวิตการทำงานก็ว่าได้ เปลี่ยน PAPR PPE กันคนละ 3 รอบ ไม่มีใครได้พักกินข้าว 7EMS, 3ETtube PUI, ตบท้ายด้วย BBA ตามระเบียบและไหนจะ case อื่นๆ ทั้ง walk in และ Refer in
พยาบาล 1 คนต่อการเข้า resus คนไข้ใส่ ETtube เพราะไม่มีใครสามารถจะปลีกตัวเองเข้ามาช่วยเพราะต้องเตรียมใส่ ETtube อีก case ที่กำลังนอนหายใจเหนื่อຍ SpO2 drop และแน่นอนว่า case เหล่านี้เป็น PUI
พร้อมกันในเวลานั้นพยาบาลอีก 2 คนต้องออก EMS รับคนไข้ PUI หายใจเหนื่อຍ ในห้อง ER เหลือหัวหน้าเวรแค่ 1 คนที่ต้องเครียดกับการจัดการ การถูก กดดันจาก case อื่นๆ ใน ER
ต้องบันทึกข้อมูลคนไข้ และที่น่าปวดหัวที่สุดในตอนนี้คือ การจัดการหาเตียงให้คนไข้ได้ admit เพราะมันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ resus คนไข้ เสร็จแล้วสามารถ transfer เข้า ward ได้เลย ตอนนี้ต้องนอนรอเตียงที่ ER จนกว่าจะได้เตียงและแน่นอนว่าคนไข้ case เหล่านั้นต้องรออยู่ที่ ER เป็นเวลานานมาก
ยกตัวอย่างบาง case มา ER ตอน 5 ทุ่ม ได้เข้าตึกไปเกือบตี 5 #เหนื่อຍมากเหนื่อຍมากๆ เหมือนกำลังออกรบ ทุกอย่างฉุกเฉิน เร่งรีบภายใต้ความจำกัดทั้งสถานที่ อุปกรณ์อัตรากำลังของคนทำงานโดยเฉพาะพยาบาล เป็นครั้งแรกที่บอกกับเวรตรวจการและหัวหน้า ER ว่าไม่ไหว ทำไม่ทัน
แต่ก็ไม่สามารถหาอัตรากำลังเสริมมาช่วยได้ เนื่องจากหลายๆ ward ถูกปิด เจ้าหน้าบางส่วนถูกกักตัว และหลายๆ คนก็เหนื่อຍล้าจากการทำงานไม่ต่างจากเรา
ผมถามตัวเองและเพื่อนร่วมชะตากรรมในเวรว่า ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันทุกเวร เราจะไหวกันมั้ยเพราะสถานการณ์มันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ และแน่นอนว่าคำตอบที่ได้ คือ ไม่ไหว ภายใต้ PPE มันทั้งเหนื่อຍ ทั้งล้า ทั้งเครียด
แต่ก็ขอบคุณ Teamwork ที่ช่วยกันจนผ่านในเวรไปได้เหลือทิ้งไว้อีก 2 case ETTube PUI ที่นอนรอเตียงอยู่หน้า Ramp ให้เพื่อนเวรดึกและไม่รู้ว่าจะ transfer คนไข้เข้า ward ได้เมื่อไหร่ เฮ่อออ… ถอนหายใจวันละ 83 ล้านรอบ สู้ๆ นะทุกคน”
ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป บรรดาชาวโซเชียลต่างเข้ามาคอมเม้นต์กันเป็นจำนวนมาก เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ที่กำลังทำงานอยู่ในพื้นที่ด่านหน้า
แหล่งที่มา varietyded
เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม