
เปิดเรื่องราวชีวิตของ “ตานัด” หรือ นายนัด ยี้สันเทียะ อายุ 71 ปี ผู้เฒ่าลูกหลานย่าโม ซึ่งโชคร้ายจากอุบัติเหตุต้องกลายเป็นคนพิпารไร้ขาทั้ง 2 ข้าง ชีวิตพลิกผันแต่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา สู้ชีวิตขออยู่แบบมีศักดิ์ศรี รับจ้างทำงานทุกอย่างที่ทำได้ เก็บขวดน้ำของเก่าขๅยเลี้ยงชีพ
“ตานัด” อาศัยอยู่กับ “ยายมะลิ” หรือ นางมะลิ ยี้สันเทียะ อายุ 64 ปี ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่กินกันมานานว่า 30 ปี สองตา-ยายไม่มีลูกด้วยกัน จะมีก็แต่ลูกติดของทั้งสองคน โดยยายมะลิมีลูกติด 2 คน แยกครอบครัวไปแล้ว ต่างคนต่างทำงานหาเช้ากินค่ำอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ส่วนตานัดเองก็มีลูกติด 1 คน เสีຍชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุ
สองตา-ยายใช้ชีวิตร่วมกันในเพิงพักที่มุงหลังคาและผนังด้วยสังกะสีผุพังภายในหมู่บ้านดอนแต้ว หมู่ 11 ต.โนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา เวลาที่มีฝนตกลงมาแต่ละครั้งน้ำจะรั่วลงมาตามรูสังกะสีจนเปียกไปทั่วบ้านแทบนอนไม่ได้
แต่ละวัน “ตานัด” ไม่เคยอยู่นิ่งจะหารับจ้างทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้และเป็นอย่างนี้มาตลอดชีวิต แม้แต่ความพิпารก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความเป็นคนขยันสู้ชีวิตไปได้ ซึ่งชาวบ้านที่คุ้นเคยมักจะเอางานมาให้ทำถึงบ้าน บางคนก็จ้างให้ลับมีด ทำโต๊ะเก้าอี้ไม้ ปะยางรถจักรยาน หรืองานซ่อมแซมต่าง ๆ ทำให้ตานัดพอมีรายได้บ้างไม่มากก็น้อย พอเลี้ยงตัวเองกับเมียรักตามอัตภาพ
หากวันไหนไม่มีงาน “ตานัด” ก็จะขึ้นรถสามล้อโยกคู่ใจที่ดัดแปลงมีตะกร้าใส่ของท้ายรถออกไปตามถนน เก็บขวด เก็บของเก่าตามริมทางที่คนโยนทิ้งและในถังขยะ เพื่อสะสมไว้ไปขๅยแลกเป็นเงินได้เดือนละประมาณ 300-500 บาท
ระยะทางที่ออกตระเวนจากบ้านไปตามที่ต่าง ๆ ไป-กลับประมาณ 5 กม. บางวันก็ออกเช้ารอบเดียว หรือบางวันอาจจะ 2 รอบ เช้าและบ่าย บางครั้งมีผู้ใจบุญนำขวด นำกล่องกระดาษที่ยังพอขๅยได้มามอบให้ตามเส้นทางที่บังเอิญพบเจอ วันไหนโชคดีก็จะได้ของกลับมาเยอะ บางวันฟ้าฝนไม่เป็นใจก็ไม่ได้ออกหากิน
“ตานัด” เล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาว่า สมัยก่อนตนก็เป็นคนปกติเหมือนคนทั่วไป ร่างกายกำยำแข็งแรง มีฝีมือในงานช่างหลายอย่างและงานก่อสร้างก็ทำได้หมด แต่เมื่อ 27 ปีก่อนขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานก่อสร้างภายในตัวเมืองนครราชสีมากับลูกชาย โชคร้ายเกิดอุบัติเหตุ
มีรถบรรทุกสิบล้อมาเฉี่ยวชนทำให้รถจักรยานยนต์ล้มและร่างของตนถูกล้อรถสิบล้อเหยียบซ้ำบริเวณช่วงล่างตั้งแต่โคนขาลงไปทำให้กระดูกขาทั้งสองข้างเละ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดลูกชายที่นั่งซ้อนกันมาด้วยเสีຍชีวิตคาที่ ตนเองมารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาลพบว่าหมอได้ตัดขาทั้งสองข้างไปแล้ว
“ตอนที่รู้ว่าตัวเองถูกตัดขาทั้ง 2 ข้างไปแล้วก็ทำใจไม่ได้ แต่มาคิดอีกทีชีวิตคนเรามันก็เท่านี้ แม้เราจะพิпารแต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป ตนไม่อยากเป็นภาระให้ครอบครัวจึงพยายามปรับตัวให้ชินกับความพิпาร โชคดีมีภรรยาคอยดูเคียงข้างไม่ทอดทิ้งตนไปไหนและให้กำลังใจกันมาตลอด”
ปัจจุบันตนมีรายได้จากรัฐบาลเป็นเบี้ยผู้สูงอายุและเงินผู้พิпารแต่ก็ยังไม่พอใช้จ่าย เราสองตา-ยายต้องอยู่กินกันอย่างประหยัดและต้องดิ้นรนหารับจ้างทำอะไรได้ก็ทำ จะได้เงินมากหรือน้อยก็ไม่เกี่ยง ส่วนความหวังตอนนี้ก็อยากจะเก็บเงินซ่อมแซมบ้านให้ได้เท่านั้u
แล้ววันหนึ่งสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ “ตานัด” ออกตระเวนเก็บขวดแล้วบังเอิญได้ไปพบกับ นายสมศักดิ์ นิลภา ข้าราชการเกษียณอายุ อดีตนักสุขภาพฟัน กลุ่มงานทันตกรรม รพ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจิตอาสาในพื้นที่
และนายสมศักดิ์ เกิดความสงสารและชื่นชมในความเป็นนักสู้ของตานัดจึงได้ถ่ายภาพไปโพสต์ลงโซเชียล ต่อมาผู้ใจบุญได้ประสานความช่วยเหลือเข้ามาบริจาควัสดุให้ตานัดได้สร้างบ้านใหม่ และมีทหารจากกรมพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นำกำลังพลมาช่วยสร้างบ้านให้ ตานัดดีใจและซาบซึ้งน้ำใจผู้ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือให้ได้มีชีวิตปั้นปลายที่มีคุณภาพดีขึ้น
“ตานัด” กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝากถึงคนที่กำลังมีปัญหาท้อแท้ชีวิตให้ลุกขึ้นมาสู้ อย่างตนเองพิпารไม่มีขา 2 ข้าง เหมือนใครแต่ก็ยังลุกขึ้นสู้ได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือเป็นภาระของสังคม เชื่อว่าสักวันหนึ่งเราก็จะเจอเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต
สำหรับท่านที่สนใจจะเดินทางไปเยี่ยม “ตานัด” หรือต้องการจะให้ความช่วยเหลือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 09-7065-5969 นายสมศักดิ์ นิลภา จิตอาสาที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลือตานัดตลอดช่วงที่ผ่านมา
แหล่งที่มา dailynews
เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม